พัฒนาชีวิต พัฒนาจิต และ สมอง ด้วยการใช้การ Coach วิถีพุทธ เพื่อนำศักยภาพตนเองมาใช้ 

เรื่องที่ 1 : สิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตเรา
14 ก.ย. 2556

เริ่มต้นเล่าเรื่อง …

20 กว่าปีมานี้ ได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าที่เกิดมาชาตินี้... ทุกบทบาทของชีวิต เคยตั้งคำถามกับตัวเองมากมายว่า “ทำไมถึงเกิดมา แล้วเกิดมาทำไม ? ” มองย้อนไปในอดีตที่จำได้ยังงงๆ นะ รู้แต่ว่าตอนนั้นคิดถึงเรื่องอนาคตแล้วมันเหมือนวันนี้ไหม (วะ) มันเหมือนกับที่เราฝัน (คิด) ไว้มั้ย คำตอบคือ “ไม่” (ว่ะ) แต่มัน OK นะ OK มาจนเรียนจบ เราเริ่มวิ่งเข้าสนามทำงาน และชีวิตครอบครัว เหมือนคนทั่วๆไปซึ่งก็น่าจะ Ok แล้วสมหวังมีครอบครัวเป็นของส่วนตัวนะ แต่มันไม่ OK (ว่ะ) ถามว่าที่รู้สึกว่ามันไม่ OK มันคืออะไร ทั้งที่สามีก็ดี , ลูกก็ดี และชีวิตก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะ แต่มันไม่ OK อ่ะ มามองดูลึกๆว่ามันคืออะไร มันคือความ “กังวล” ความ “คาดหวัง” ความ “กลัว” ความ “สงสาร” กับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น(มองย้อนกลับไปที่ชีวิตที่ผ่านมา) ตรงเส้นทางการมีชีวิตของพวกเขา(ลูกๆ)มั้ง รู้สึกดังนี้แล้ว Solution ที่คิดไว้คือ ต้องหาเงินเยอะๆ เอาไว้ให้เขา..... อยู่อย่างปลอดภัย




ตอนเด็ก เป้าหมายอยู่ที่การต้องเรียนให้ได้ดี จบแล้วจะได้มีงานดีๆ ทำ เพื่อ..... แม่จะได้สบาย ชีวิตจึงดำเนินไปอย่างคนที่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง จะชอบใคร จะอยากไปทำอะไร จิตใจมันก็จะวิ่งกลับมาที่การเรียน หลงไปบ้างแต่ก็จะไม่หลงนาน แม่ไม่เคยเรียกร้องให้เราต้องทำอะไรเพื่อเขา มีแต่เราเรียกร้องเอาจากเข้ามากกว่า “ขอตังค์” นะ แต่ก็เป็นไปเพื่อการเรียนเท่านั้นไม่ทำให้เขาหนักใจ ขอโน้นนี้นั่น แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตมีอิสระที่จะทำอะไรอยากเที่ยวก็เก็บตังค์เอง ทำงานบ้างอยากไปไหนก็ไป รับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไม่ค่อยมีใครมาสนใจ หรือมายุ่งวุ่นวายกับเรามากนัก 

พอทำงานมีครอบครัว เป้าหมายอยู่ที่การทำงานให้ดี เพื่อให้ได้เงินเดือนขึ้นเยอะๆ เพื่อ... ลูกจะได้สบาย ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างคนที่มีเป้าหมายเหมือนกัน แต่จังหวะนี้เพื่อลูก ที่เคยทำเพื่อแม่หายไปเลย แม่ไม่เคยเรียกร้อง แต่ลูกเรียกร้องความสนใจ เขาไม่เรียกร้อง เราเองแหละที่บังคับตัวเองให้ต้องไปใส่ใจเขา มันเป็น ความผูกพันที่ลึกซึ้งมากกว่าแม่หรือเปล่าไม่แน่ใจ จึงทำให้เรามี ความกังวล, คาดหวัง, กลัว และสงสารเขาในขณะที่อยู่ด้วยกัน... รับผิดชอบครอบครัว

ถามเพื่อนฝูงก็ได้อารมณ์เดียวกัน อาชีพหลักของแม่บ้านจึงคือการดูแลลูกให้ดีที่สุด Priority สำคัญสำหรับแม่บ้าน คือการรับ-ส่งลูก นอกเหนือจากนั้น งานบริการในบ้านทั้งหมด คืองานของแม่บ้าน เมื่อบริการทุกคน ก็มี ความคาดหวัง ว่าคนจะเห็นใจว่าเรา “ทำให้” และบน ความเป็น “แม่” ก็ คาดหวัง ว่าลูกจะเชื่อฟัง แต่มันก็คงไม่เกี่ยวกับพวกเขาหรอก เพราะทุกคนก็จะมี “สถานการณ์” เป็นของส่วนตัว เราต่างหากที่ไม่เข้าใจเขา เราคิดและจินตนาการเอาเองว่าเขา อยาก ให้เราทำให้เพราะเราเป็น “แม่” เป็น “ภรรยา” ครอบครัวของ “เรา” มันคืออะไรอ่ะ อารมณ์เดียวกันกับการทำอาชีพเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ธุรกิจส่วนตัวที่ใครๆ ก็บอกว่า ถ้าอยากรวยต้องทำธุรกิจส่วนตัว... มันก็แปลกๆ นะ แค่ “อยาก” มันก็รวยได้หรอ? และชีวิตเจ้าของธุรกิจมีอิสระ กว่าคนทำงานบริษัทด้วย เราจึง OK มาทำธุรกิจส่วนตัว... ภาระสาหัสอีกอันก็เริ่ม ยิ่งอยากเป็นอิสระ ยิ่งพยายามมอบหมายงานไปให้คนอื่นทำ ยิ่งไม่มีความเป็นอิสระ ทำไมการทำงานจึงเป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยชอบ ... เขาบอกว่า มันเครียด อ้าว ไหนบอกว่าอยากรวย แต่ไม่ขยันทำงาน งง ....

โดยภาระการเปิดบริษัทที่มีพนักงาน คือ การหาเลี้ยง(งานป้อน)พนักงาน & ตัวเอง เพื่อให้เขาทำงาน เพื่อจะได้มีรายได้ และเราจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น และโดยธรรมชาติของผู้นำ ถูกสอนให้ เข้าใจคนอื่น และให้ความสำคัญกับพนักงาน ให้เขามีโอกาสแสดงศักยภาพ (ไม่ค่อยคิดเรื่องธุรกิจมากนักขอแค่อยู่รอดก็พอ ไม่รู้ว่าต้องพัฒนาคน ก็คิดว่าเขาคงมีความสามารถ) เราก็ทำตามคำแนะนำจากกูรูทั้งหลายที่อ่านเจอ ผลลัพธ์หรอ พนักงานก็อยู่ไม่นาน พอเริ่มเป็นงานก็จะมีสาเหตุในการลาออกต่างๆ นาๆ ซึ่งล้วนแล้วให้เหตุผลโดยใช้คำว่า “เกรงใจ” (ประมาณว่าเราใจดีเกินไป... แล้วไม่ชอบหรอกหรอ งง ... ) และก็ส่วนใหญ่ก็ไปโดยไม่ร่ำลา แตกต่างจากตอนเข้ามาว่า “อยากแสดงศักยภาพ” กันทั้งนั้น แต่พอให้ทำงาน ก็ทำไม่เป็น สอนแล้วก็ทำไม่ได้ ให้ฝึกทำมากๆก็ทนไม่ไหว .... เป็นอะไรที่ให้ประสบการณ์เรื่องคนเยอะมาก 

เคยตั้งคำถามนะว่า ถ้าไม่แต่งงานมีชีวิตครอบครัว มีลูก-สามี เป็นของส่วนตัวแล้ว อยู่กับแม่จะมีปัญหาไหม แล้ว 3-4 ปี ก่อนที่แม่จะเสีย มันก็ให้คำตอบเรา ช่วงนั้นเป็นอะไรที่หนักมากสำหรับคนที่อยากมีความเป็นอิสระ เพราะมันมี 3 เรื่องที่ต้องทำให้เราวิ่ง ทุกวัน ลูก-บริษัท-แม่ มีเรื่องให้ต้องคิด-แก้ปัญหาทุกวัน ดีที่ว่ามันไม่มีปัญหาเรื่อง ความต้องการขั้นพื้นฐานของ Maslow ไปแล้วคือมีปัจจัย 4 ครบ 

รวมความแล้วว่า ที่วิ่งวุ่นอยู่นั่นแหละเราต้องตอบสนอง Need ระดับที่ 2-3-4 อยู่ รูปปิระมิดที่เราเห็นและมีคนเอามาสอนนั้น มันหมายถึงอะไร มันหมายถึงคนทุกคนมี ความต้องการเป็นลำดับขั้นเหมือนกัน เราทำสิงต่างๆ เพราะ ความต้องการสิ่งเหล่านี้ และส่วนใหญ่ตีความว่า ต้องได้จาก “ใคร” หรือ ต้องมีใครให้สิ่งเหล่านี้กับเรา แต่ที่จริงแล้ว เราสามารถหาเองได้จากตัวเราเอง 

ทำอย่างไรหรอ แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟัง แต่ก่อนอื่นอยากจะเล่าว่า... ทำไมต้องมาเป็น Coach Air




     

     

 
Untitled Document
Stay In Touch Service Contact Web Link
   Email
  
   ชื่อ-นามสกุล
  

  

   - Inhouse Group Coaching & Training
   - Followup Training
   - SME Consulting
   - Online Service


- Coach Air.net
- Call   : 086-896-9200
- Email : wnuttha@gmail.com
- Address : Ramkamhaeng Bangkapi Bangkok


  • http://www.entraining.net
  • http://www.coachatwork.in.th
  • http://www.pakornblog.com
    Link น่าสนใจ :
    # คำนวนการออม เพื่อการเกษียณ
  • TSI Financial Tools
  • Retirement Calculator
  • Home  |  About  |  Service  |  Portfolio  |  Download  |  Contact Aptitude Test